วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี

ภูกระดึง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าภูกระดึงมีหลายชนิดที่พบเห็นทั่วไป
การท่องเที่ยวในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่

ผานกแอ่น อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางประมาณ 2 กม. และห่างจากหลังแป 2.5 กิโลเมตร ผานกแอ่นเป็นลานหินเล็กๆ มีสนขึ้นโดดเด่นริมหน้าผาต้นหนึ่ง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามยิ่ง อากาศสดชื่นเย็นสบาย มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา เห็นผานกเค้าได้ชัดเจน ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ จะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม-เมษายน ผู้ที่ไปชมประอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ควรเตรียมไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางไปด้ว

ผาหล่มสัก อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 9 กม. เป็นลานหินกว้างและมีสนต้นหนึ่งขึ้นชิดริมผาใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปในอากาศทางทิศใต้ บริเวณผาหล่มสักนี้มองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสลับซับซ้อนในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจนและงดงามมาก ผู้ที่ไปชมประอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางเวลาเดินกลับที่พัก ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง
สระอโนดาต อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 2.7 กิโลเมตร เป็นสระน้ำขนาดไม่ใหญ่นักที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัด ใกล้กันยังมีลานกินรีซึ่งเป็นสวนหินธรรมชาติที่อุดมไปด้วยพรรณไม้ทั้งพวกกินแมลงอย่างดุสิตา หยาดน้ำค้าง หรือเฟิน เช่น กระปรอกสิงห์ บนหินยังมีไลเคนขึ้นอยู่เต็มไปหมด
น้ำตกวังกวาง เป็นน้ำตกอยู่ใกล้กับที่พักมากที่สุดในบรรดาน้ำตกบนภูกระดึง ระยะทางเพียง 750 เมตร จากจุดเริ่มต้นตรงบริเวณบ้านพัก ลักษณะน้ำตกเป็นผาหินสูง 7 เมตร ตัดขวางลำธาร ธารน้ำไหลลงยังวังน้ำเบื้องล่าง ซึ่งมีลักษณะคล้ายโพลงถ้ำมุดลงไปและบริเวณป่าใกล้ๆ ก็เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงกวางมักจะลงมากินน้ำอยู่เสมอๆ จึงเรียกว่า “วังกวาง” บริเวณน้ำตกมีที่กว้างขวางให้ได้นั่งพักสบายๆ หลายมุม เพราะน้ำตกอยู่ไม่ไกล สามารถลงเล่นน้ำได้
น้ำตกธารสวรรค์ จากน้ำตกถ้ำใหญ่เมื่อออกสู่ป่าสนไม่ไกลนักจะมีทางแยกบนลานหินสู่น้ำตกธารสวรรค์ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักตามเส้นทางป่าสนผ่านลานองค์พระพุทธเมตตาเพียง 1.6 กม. เท่านั้น เป็นน้ำตกขนาดเล็ก
ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งบนยอดภูกระดึง และบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง
สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมเต็นท์และสถานที่กางเต็นท์ ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และสำรองที่พักเต็นท์ได้กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง สำหรับอัตราค่าบริการอยู่ระหว่าง 150-300บาท ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาดของเต็นท์ และอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ
แหล่งอ้างอิง : http://www.moohin.com/049/049e002.shtml

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ระบบโรงพยาบาล(เอ็กซเรย์)

ม.รังสิต เปิดเกมรุกธุรกิจสุขภาพนำร่องศูนย์ทันตกรรมทันสมัยครบวงจร

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ทันตกรรม อาร์.เอส.ยู (RSU Dental Center) ซึ่งเป็นศูนย์ทันตกรรมที่ใหญ่และทันสมัยครบวงจรล่าสุด ณ อาคารวานิช 2 ชั้น 3 โดยมีแขกผู้มีเกียรติร่วมงานคับคั่ง

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ศูนย์ทันตกรรม อาร์.เอส.ยู (RSU Dental Center) นับเป็นการลงทุนในธุรกิจสุขภาพแห่งแรกของมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อรองรับความต้องการด้านทันตกรรม ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นที่ต้องการอีกมาก และทางมหาวิทยาลัยฯ เองก็มีแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านทันตกรรมอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์ที่สอนในคณะทันตกรรมของมหาวิทยาลัย ดังนั้นการเปิดศูนย์ฯ ดังกล่าวก็จะเป็นศูนย์รวมของทันตแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางที่สามารถให้บริการและศึกษาค้นคว้าวิจัยผลงานใหม่ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป

ทั้งนี้ ศูนย์ทันตกรรม อาร์.เอส.ยู มหาวิทยาลัยรังสิต นับเป็นศูนย์ทันตกรรมที่ทันสมัยและให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งบริการตรวจและรักษาทางทันตกรรมทุกสาขา โดยทันตแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทาง ด้วยระบบการดำเนินงานที่ทันสมัยตั้งแต่การจัดเก็บประวัติผู้รับบริการด้วยระบบลงทะเบียนดิจิตอล และระบบเอ็กซเรย์ดิจิตอล ออนไลน์ ที่สะดวกรวดเร็ว พร้อมห้องตรวจทันตกรรมสำหรับผู้ใหญ่ 11 ห้อง และเด็ก 2 ห้อง เก้าอี้ ทันตกรรมที่ทันสมัย และมีระบบรักษาความสะอาดและปลอดเชื้อตามมาตรฐานสากล โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

องค์ประกอบของสำนักงานอัตโนมัติ
ถ้าพิจารณาองค์ประกอบของสำนักงานแล้ว สามารถพิจารณาออกได้เป็น 2 ประเภทคือสิ่งแวดล้อมภายนอกสำนักงาน และสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงาน ฉะนั้นผู้บริหารสำนักงานอัตโนมัติจะต้องเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมทั้ง 2 ประเภทนี้ โดยต้องปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานนั้นๆ ดังนี้

1. สิ่งแวดล้อมภายนอกสำนักงาน มีองค์ประกอบที่พอจะพิจารณาได้ดังนี้

1.1 ที่ตั้งสำนักงาน สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับที่ตั้งของสำนักงานก็มีการไปจากในสมัยก่อน ในอดีตสภาพแวดล้อมของสำนักงานบางแห่งใคร่สะดวกสบายนัก สำนักงานอาจจะตั้งอยู่ ณ จุดที่อยู่นอกเส้นทางคมนาคมหลักไปมาได้ไม่สะดวก ระบบขนส่งสาธารณะไม่พอเพียงการสื่อสารโทรคมนาคมก็ลำบากเพราะความจำกัดเลขโทรศัพท์ ร้านค้าและร้านอาหารสำหรับให้บริการพนักงานก็มีน้อยและไม่ใคร่ถูกสุขลักษณะ แต่ในปัจจุบันโดยรวมของประเทศได้เปลี่ยนไปจากเดิม การเฟื่องฟูของเศรษฐกิจของประเทศในช่วงตั้งแต่ปีพ.ศ.2530-2540 ได้ทำให้เกิดการก่อสร้างอาคารสำนักงานมากขึ้นโดยเฉพาะร้านค้าและร้านอาหารสำหรับพนักงาน แม้แต่ในหน่วยงานของรัฐเองก็เอาใจใส่สภาพแวดล้อมของสำนักงานมากขึ้น มีการจัดรูปแบบสำนักงานใหม่เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีความรู้สึกที่ดีต่อการปฏิบัติงานมากขึ้น ส่วนทางด้านระบบโทรศัพท์ก็ได้มีการปรับปรุงให้เลขหมาย โทรศัพท์มากขึ้นทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทำให้การติดต่อสื่อสารมายังสำนักงานสะดวกสบายมากขึ้นและเป็นผลให้การปฏิบัติงานของสำนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
1.2 การคมนาคม สภาพแวดล้อมที่ผู้บริหารสำนักงานส่วนมากไม่สามารถแก้ไขได้เอง คือ สภาพของการคมนาคมและระบบคมนาคม การเดินทางของพนักงานและผู้บริหารบ้านหรือที่พักอาศัยมายังสำนักงานนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก การปฏิบัติงานของสำนักงานในประเทศไทยยังจำเป็นจะต้องให้พนักงานเข้ามานั่งปฏิบัติงานในสำนักงาน พนักงานแต่ละคนมีโต๊ะสำหรับนั่งทำงานประจำจะมียกเว้นเฉพาะพนักงานบางตำแหน่ง เช่น พนักงานขับรถ หรือภารโรงที่อาจจะไม่มีโต๊ะทำงานเมื่อการเดินทางไม่สะดวกเพราะปัญหาการจราจรที่แออัดคับคั่งในเมืองใหญ่ หรือในกรุงเทพมหานคร หรือเพราะขาดระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ อีกทั้งการขยายเมืองออกไปทำให้พนักงานจำเป็นต้องซื้อรถยนต์ส่วนตัวมาให้มากขึ้น และทำให้เพิ่มจำนวนรถยนต์ที่เล่นอยู่บนถนนมากยิ่งขึ้นและส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องการจอดรถยนต์ในสำนักงาน และจำเป็นที่สำนักงานจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานเช่น ทางราชการได้ยินยอมให้ข้าราชการและพนักงานเข้าปฏิบัติงานในเวลาที่ต่างกันได้เช่น เริ่มงานตั้งแต่เวลา 7:30น.8:30 หรือ 9:30 โดยกำหนดให้อยู่ในสำนักงาน 8 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อเป็นการทำให้เกิดการเฉลี่ยของจำนวนรถยนต์บนถนนด้วย การปรับเปลี่ยนการปฏิบัติงานเช่นนี้ทำให้เกิดปัญหายุ่งยากในการปฏิบัติงานสำนักงานมาก เพราะบุคคลภายนอกที่ต้องการติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่งอาจมีปัญหาไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้เพราะยังเดินทางมาไม่ถึงหรือยังไม่ได้เริ่มงานเมื่อมีผู้มีผู้ติดต่อ
1.3 เศรษฐกิจ สภาพเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการและผู้ขายแรงงานเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าสำนักงานใช้เทคโนโลยีสูง จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายการซื้ออุปกรณ์มาใช้ในระบบรวมทั้งต้องจ้างแรงงานทีมีความรู้ความสามารถซึ่งค่าแรงก็จะแพง สิ่งเหล่านี้ผู้บริหารจะต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์สามารถมองสภาพเศรษฐกิจในอนาคตได้หากพนักงานมีรายได้ดี ย่อมเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจกับพนักงาน สามารถปฏิบัติงานให้กับสำนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.4 การเมือง การเมืองย่อมมีผลกระทบต่อการลงทุนของสถานประกอบการต่าง ๆ ถ้าการเมืองดำเนิน ไปตามระบอบประชาธิปไตแล้ว จะทำให้ภาวะ การลงทุนด้ายธุรกิจอุตสาหกรรมดีมีการเพิ่มเงินลงทุน การเงินหมุนเวียน การใช้จ่ายเงินคล่องตัว ซึ่งจะทำให้รายได้ขององค์กรนั้น ๆ ดีขึ้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสำนักงานเพื่อค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วทันต่อการบริหาร
1.5 สังคม สภาพแวดล้อมทางสังคมเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการจัดตั้งสำนักงาน ถ้าสังคมดีมีความรักสามัคคี มีระเบียบวินัยของสังคมดี ย่อมทำให้สภาพของแรงงานในท้องถิ่นนั้นดีขึ้นย่อมส่งผลต่องแรงงานของพนักงานในสำนักงานได้

2. สิ่งแวดล้อมภายในสำนักงาน มีองค์ประกอบที่ต้องพิจารณาในการจัดตั้งในการจัดตั้งสำนักงานอัตโนมัติดังนี้

2.1บุคลากรภายในสำนักงานอัตโนมัติ บุคลากรจะแตกต่างไปจากสำนักงานธรรมดาเพราะบุคลากรภายในสำนักงานอัตโนมัติจะต้องมีความรู้ความสามารถหรือได้รับการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาพอสมควร เช่น การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ การส่งโทรสาร หรือการใช้อินเทอร์เน็ต เป็นต้น ดังมีกลุ่มของบุคากรในสำนักงาน ดังนี้
2.2ผังสำนักงานอัตโนมัติ จะต้องวางตำแหน่งเครื่องมืออุปกรณ์ให้สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าหากัน สามารถส่งข้อมูลข่าวสารได้สะดวกและรวดเร็วมีความเหมาะสมและสะดวกต่อผู้ปฏิบัติงาน เช่น การจัดโต๊ะเก้าอี้ ตู้เอกสาร โทรศัพท์ เครื่องถ่ายเอกสาร แสงสว่าง การสร้างบรรยากาศในการปฏิบัติงาน

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การพิจารณาการตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้
เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์ ความหรูหรา และทันสมัยของสำนักงานอัตโนมัติแล้ว เชื่อว่าทุกคนคงอยากเป็นเข้าของหรือเข้าไปทำงานในสำนักงานอัตโนมัติ แต่อุปสรรคของการได้มาซึ่งสำนักงานอัตโนมัตินั้นก็คือการลงทุนอย่างมากมายจนต้องมารวิเคราะห์กันใหม่ว่า คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ มีการต่อต้านจากพนักงานและระบบความปลอดภัยในการรักษาข้อมูล วิธีการที่จะทำให้ตัดสินใจได้ถูกต้องคงต้องศึกษาความเป็นไปได้ และความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงระบบสำนักงานจากแบบธรรมดาให้เป็นแบบอัตโนมัติ เพื่อให้บรรลุผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ
การตัดสินใจนำระบบสำนักงานอัตโนมัติเข้ามาใช้ เนื่องจากระบบงานสำนักงานอัตโนมัติเป็นงานที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นผู้จัดระบบ ดังนั้นก่อนจะสร้างระบบสำนักงานอัตโนมัติคงต้องเป็นหน้าที่ของบุคคลดังต่อไปนี้
1. ผู้ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทที่จำหน่ายสำนักงานอัตโนมัติ มักจะให้บริการด้านการให้คำปรึกษาหรือเป็นผู้จัดตั้งระบบโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อศึกษาหาความเป็นไปได้ของแต่ละสำนักงาน ในการเปลี่ยนจากสำนักงานธรรมดาเป็นสำนักงานอัตโนมัติ แต่มักจะพบว่าบริษัทผู้ขายพยายามยัดเยียดการขายมากเกินไป ทั้งที่บางครั้งอุปกรณ์บางอย่างไม่จำเป็นต้องใช้ และอาจไม่ยอมแถลงถึงคุณสมบัติที่ดีกว่าของคู่แข่งขัน หรืออาจบีบบังคับให้ลูกค้าตกลงทำสัญญาซื้อผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะได้ทำการวิจัยว่าเหมาะสมแล้วหรือยัง
2. ทีมงานเฉพาะกิจของบริษัท บริษัทที่ต้องการมีสำนักงานอัติโนมัต อาจจัดตั้งทีมขึ้นมาเองเพื่อการวิจัยด้านนี้โดยเฉพาะและควรมีพนักงานที่มีความชำนาญในด้านจัดข้อมูล เข้ามาร่วมด้วยเพราะมีความคุ้นเคยกับระบบจัดการข้อมูลในปัจุบัน
3. ที่ปรึกษา บางบริษัทไม่มีพนักงานที่มีความชำนาญพอที่จะจัดตั้งทีมงานขึ้นเองได้ก็จะต้องอาศัยที่ปรึกษาภายนอกบริษัท ซึ่งควรเป็นบุคคลหรือกลุ่มผู้เชียวชาญด้านสำนักงานอัตโนมัตเป็นพิเศษ
4. ทีมงานเฉพาะกิจร่วมกับที่ปรึกษา เป็นการจับมือกันระหว่างบุคคลภายนอก และปัจจัยภายนอกบริษัทเพราะทีมงานในบริษัทย่อมรู้ซึ้งและให้ข้อมูลของบริษัทในขณะที่ที่ปรึกษา มีความรู้เป็นอย่างดีในการจัดระบบจะสามารถพิจารณาทุกแง่มุมของปัญหาได้โดยปราศจากอคติ